วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

รู้ลึกให้ถึงแก่นกับ Phuket Budget Taxi (ภาคหนึ่ง)

รู้ลึกให้ถึงแก่นกับ Phuket Budget Taxi (ภาคหนึ่ง)

 ก่อนจะมาเป็น Phuket Budget Taxi

"ใครจะไปรู้ว่า จากคนหนุ่มผู้มั่นคงในอาชีพการงานคนหนึ่ง จะผันตัวมารับงานพิเศษอย่างการขับรถแท็กซี่" คำกล่าวจากผู้โดยสารท่านหนึ่ง"

 ปัญหาการเดินทางในภูเก็ต

     เรา (Phuket Budget Taxi) ถือกำเนิดขึ้นมาจากปัญหาคลาสสิคอย่างหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต นั่นคือ ปัญหาเรื่องการเดินทาง ที่แสนจะยากลำบากแถมราคาหากเทียบกับเมืองอย่างกรุงเทพฯ แล้วละก็ บอกได้ว่า โหดเอาเรื่องเลยทีเดียว ถ้าราคาแพงแล้วบริการดีก็ไม่ว่า นี่อะไร จ่ายแพงแล้วยังต้องลุ้นอีกว่า จะมาไม้ไหน เชื่อถือได้แค่ไหน จะโดนดีหรือเปล่า

      ทำไมการเดินทางในภูเก็ตถึงต้องลุ้นระทึกเช่นนี้ ซึ่งเกิดจากประสบการณ์เดินทางของตัวเองล้วนๆ เราเองชื่นชอบการเดินทางเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นต่างจังหวัด จนไปถึงในหลายๆ ประเทศ ทำให้วันหนึ่งจึงตัดสินในเดินทางจากกรุงเทพฯ บ้านเกิดมาทำงาน ณ จังหวัดภูเก็ต แห่งนี้

       การเดินทางมาจังหวัดภูเก็ต หลักก็มี 2 ทางด้วยกัน ก็คือ ทางรถกับทางเครื่องบิน ทางรถก็แน่นอนครับ รถส่งถึงในเมือง การเดินทางคงไม่น่าจะลำบากเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ รถส่งในเมืองก็จริง เป็นสถานีขนส่งก็จริง แต่ทำไมมันไม่มีรถต่อไปไหนเลยล่ะ ต้องไปต่อรถที่ตลาด ไม่เดินไป (1-2 กิโลเมตร) ก็คงต้องใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็แน่ล่ะ จะเดินไปทำไมให้เหนื่อย มอเตอร์ไซค์ดีกว่า ว่าแล้วก็ขึ้นไปเลย ไม่เกิน 5 นาทีก็ถึงตลาดกับค่ารถ (สมัยนั้น 2552) 40 บาท ห๊า...อะไรนะ! นั่งแค่นี้ 40 บาท แล้วก็จ่ายค่าโดยสารไปทั้งๆ ที่ยังงงๆ 

      นอกจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่มีอยู่ทั่วไปในราคาที่เหนือกว่าที่อื่นทั่วไปแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะมีบริการอะไรอีก แต่ในความเป็นจริงก็มีรถรับจ้างหรือแท็กซี่ หรือรถตุ๊กๆ ในบางที่ ซึ่งมองไม่เห็น เพราะมันไม่เหมือนแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ แต่มันเหมือนรถทั่วๆ ไปมากกว่าต่างหาก ซึ่งหากเราต้องการใช้ก็สามารถติดต่อพวกเขาได้ แต่เราไม่กล้าติดต่อ เพราะดูน่ากลัวมากกว่า

       จนถึงวันหนึ่งเราก็กล้าใช้แท็กซี่บ้าง เพราะต้องไปสนามบินโดยจำเป็น ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คาดไว้แต่ประการใด ค่ารถ 500 บาท (สมัยนั้น 2553 ยังไม่มีรถติด รถไม่เยอะเหมือนสมัยนี้) เดินทางไม่ถึง 30 นาที แต่ได้ข้อมูลมาพอสมควรว่าราคาทำไมถึงไม่เหมือนกรุงเทพฯ หรือแพงมาก ซึ่งได้คำตอบตามหัวข้อได้ประมาณนี้

      1. รถแท็กซี่ต้องวิ่ง 2 ขา ไปและกลับเสมอ
  •  รถที่นี่ไม่เหมือนปกติทั่วไป ไปส่งได้อย่างเดียว ห้ามรับผู้โดยสารตามรายทางหรือปลายทางกลับมาด้วย เป็นข้อตกลงร่วมกันของผู้ประกอบการที่นี่ ถามว่า ทำไม! มันเกี่ยวอะไร ก็เกี่ยวกับมาเฟียไง มาเฟียก็ต้องมีอิทธิพล ปกป้องผลประโยชน์เขาได้ จึงจะเรียก "มาเฟีย" ไง ถูกไหม? (ถ้าท่านสงสัย สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ #มาเฟียแท็กซี่ภูเก็ต)
      2. ไม่สามารถแวะรับผู้โดยสารตามสถานที่ต่างๆ ได้
  •  ก็เหตุผลตามข้อหนึ่ง มาเฟีย จะทำหน้าที่ปกป้องถิ่นของเขา ไม่ให้คนอื่นมาแย่งไปจากลูกน้องเขาได้ แล้วถามว่า ทำไมบางทีก็เห็นรับล่ะ แถมรับไปแบบไม่ยินดีด้วยนะ หรือเรียกว่า พ่วงไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น คุณตกลงให้เขาไปส่งสนามบินในราคาคุณนั่งส่วนตัวคนเดียว แต่พี่ท่านไปรับคนอื่นมาเพิ่มไปด้วยแบบหน้าตาเฉย ในราคาเดิมไม่ลดสักแอะ แถมกลิ่นตัวนี่ไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะฝรั่ง แขก หรือเสียงดังอย่างเช่น พี่จีน ก็เพราะว่า เขามีคนหนุนหลังไง ร้องเรียนไปก็เท่านั้น ตำรวจนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง อาจจะเป็นพวกเดียวกันด้วย
      3. ต้องอยู่เป็นคิวหรือวิน ไม่วิ่งหาผู้โดยสารทั่วไป
  •  ให้วิ่งหาคนน่ะเหรอ ไม่คุ้มหรอก ที่นี่มีคนใช้น้อย ไม่เหมือนกรุงเทพฯ (ก็แน่ล่ะ แพงขนาดนี้ ใครจะกล้าใช้) จึงจำเป็นต้องอยู่เป็นที่ ถามว่าจำเป็นไหม จำเป็นครับ ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าแถวนี้ใครคุมไง จะได้ไม่มีใครจากที่อื่นมารบกวนหรือบังอาจแย่งลูกค้าไป จึงไม่แปลกที่เขาจะโก่งราคาเต็มที่ เพราะถ้าไม่ไปกับเขาแล้วจะไปกับใคร แท็กซี่ที่ไหนจะกล้ามารับเล่า
      4. คนขับรถส่วนใหญ่ไม่ใช่เจ้าของรถ 
  •  ที่นี่ภูเก็ต คนส่วนใหญ่มาจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะในภาคใต้ ความแรงไม่ต้องพูดถึง แต่แรงอย่างไรก็ต้องมีเงินถึงจะออกรถมาวิ่งได้ ซึ่งถ้ามีปัญญาออกรถมาวิ่งได้ก็คงไม่ต้องมาขับแท็กซี่กันแล้ว ท่านว่าถูกไหม? ดังนั้น คนขับส่วนใหญ่จึงเช่ารถคนมีเงินมาขับอีกทีแล้วค่อยแบ่งกัน ส่วนแบ่งกันยังไงน่ะเหรอ ก็ประมาณนี้ ค่ารถ 500 เจ้าของได้ 200 ค่าน้ำมันหรือแก๊ส 200 ที่เหลือคนขับเอาไปหมด
      5. ราคาที่เห็นไม่แน่ว่าจะใช่ ต้องมีค่าทิปให้ด้วย
  •  อ้าว! ราคาก็แพงอยู่แล้ว จะต้องมาทิปอีกทำไม? ท่านก็เห็นอยู่แล้วว่า ค่ารถ 500 คนขับได้ร้อยเดียว ช่างน้อยยิ่งนักเมื่อเทียบกับค่ารถ แต่ที่นี่ภูเก็ต ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ แถมเป็นชาติใจดีมีเงินมาเที่ยวเป็นถังๆ (เมื่อครั้งอดีต) ขึ้นรถทีนึงก็ทิปกันสนุกมือ 10-20 เหรียญ ทำให้คนขับเหมือนจะติดเป็นนิสัย เหมือนรายได้ส่วนเพิ่ม ทำให้ราคารถที่นี่น่ากลัว น่ากลัวในที่นี้หมายความว่า มันไม่แน่นอน บางทีเขาบอก 500 หมายถึงยังไม่รวมทิป คนขับคิดว่าบอก 500 ต้องได้อย่างน้อย 800 หรือบางทีแจ้งราคา 700 ซึ่งดูเหมือนแพงกว่า แต่เป็นราคารวมทิปแล้วไม่ต้องจ่ายเพิ่มอีก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น